เกี่ยวกับฉัน

วันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2552

การสมัครเป็นสมาชิคเวบบล็อค Blogger

1. ก่อนอื่นต้องมีเมลล์ของ gmail ก่อนค่ะ โดยเข้าไปที่ http://www.gmail.com/















2. เข้าเวบ Blogger.com และสมัครสมาชิก กรอกข้อมูลลงไปในช่วงให้ครบ













3. ให้คุณกรอกรายละเอียดต่าง ๆ ลงไปให้ครบถ้วนสมบูรณ์ที่อยู่อีเมล , ป้อนรหัสผ่าน, ชื่อที่แสดง, รหัสยืนยัน (ดูดีๆครับจะได้กรอกไม่ผิด) ,การยอมรับข้อตกลงต่าง ๆกรอกทุกอย่างเรียบร้อย คลิกที่ “ดำเนินการต่อ”

4. ตั้งชื่อเว็บบล็อกของคุณ ซึ่ง url : ของคุณจะเป็นแบบนี้ค่ะ
http://ชื่อที่คุณตั้ง .blogsport.com กรอกทุกอย่างครบถ้วนเรียบร้อย คลิกที่ “ดำเนินการต่อ”

5. เลือกแม่แบบ (Template) ที่คุณต้องการ แล้ว คลิกที่ “ดำเนินการต่อ”

6.และเมื่อ เสร็จสิ้นกระบวนการสมัครใช้บล็อกฟรีกับ blogger.com คลิกที่ “เริ่มสร้างเนื้อหา”

7. การเพิ่มเนื้อหาลงในบล็อกของคุณค่ะ โดยคลิกที่ บทความใหม่ และใส่อะไรลงไปได้ตามใจเราเลยค่ะ

อาหารที่ดีต่อสุขภาพ

อาหารที่ดีต่อสุขภาพ



จากงานวิจัยที่ผ่านมาบอกเราว่าอาหารบางชนิดสามารถใช้แทนยาได้ในการรักษาสุขภาพ ตัวอย่างอาหารที่มีผลดีต่อสุขภาพ

chocolate ที่มีถั่วalmonds
จากกการศึกษาพบว่าการรับประทานอาหารนี้จะชะลอการเกิดโรค alzheimer โดยคิดว่าเป็นผลจากสารต้านอนุมูลอิสระในถั่ว แนะนำให้รับประทานถั่ว almond วันละ 60 กรับต่อวัน

ปลา
สารแมกนีเซียมจะช่วยผู้ป่วยโรคหอบหืดโดยลดความถี่และความรุนแรงของอาการหอบ สารแมกนีเซียมมีมากในปลา แนะนำให้ผู้ป่วยโรคหอบหืดรับประทานปลา อาหารทะเลอย่างน้อยวันละครั้ง

ผัก
คนที่รับประทานผักที่ผ่านการผัดหรือต้มจะมีโอกาสเกิดข้ออักเสบน้อยกว่าคนที่ไม่รับประทานร้อยละ 75 เชื่อว่าผักที่ผ่านการปรุงเกลือแร่จะถูกดูดซึมได้ดีกว่า

องุ่นช่วยเลือดออกตามไรฟัน
การขาดวิตามินซีทำให้เหงือกอักเสบและมีเลือดออก องุ่นจะมีวิตามินซีอย่างเพียงพอที่จะป้องกันการขาดวิตามินซี

น้ำช่วยลดกลิ่นปาก
หลายคนใช้มินช่วยลดกลิ่นปาก กลิ่นปากเกิดจากสาร sulfer ในปากการดื่มน้ำบ่อยๆจะช่วยชะล้างสารที่หมักในปากจะช่วยลดกลิ่นปาก

ไวน์อาจจะช่วยรักษาท้องร่วง
ในไวน์ไม่ว่าจะเป็นไวน์ขาวหรือไวน์แดงจะมีสาร bismuth ซึ่งใช้รักษาท้องร่วง การดื่มไวน์วันละ 1 แก้วจะช่วยหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคที่เรียในลำไส้ก่อนที่มันจะก่อให้เกิดโรค

น้ำมะเขือเทศช่วยในคนที่เมาค้าง
การที่คนดื่มสุราและมีอาการคลื่นไส้แสดงว่าเขาขาดแร่ธาตุ โปรแตสเซียม แคลเซียม โซเดียม สารดังกล่าวมีมากในน้ำมะเขือเทศ และให้ดื่มน้ำตามเพื่อให้ผู้ป่วยฟื้นเร็วขึ้น

น้ำตาลหนึ่งช้อนแก้สะอึก
เทน้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะในปากและกลืนลงไป น้ำตาลจะกระตุ้นคอทำให้อาการสะอึกหายไป

กล้วยหอมแก้ตะคริว
หลังจากที่ตรากตรำทำงานหรือเล่นกีฬากล้ามเนื้อจะขาดเกลือแร่ทำให้เกิดตะคริว การรับประทานกล้วยหอมและดื่มน้ำตามจะช่วยแก้ปัญหานี้

เนื้อไม่มีมันจะช่วยชะลอการเกิดหัวล้าน
การขาดธาตุสังกะสีจะทำให้ผมร่วง เนื้อวัวที่ไม่มีไขมันจะมีธาตุสังกะสีมากช่วยชะลอผมร่วง

คนเป็นหมันควรรับประทานกรดโฟลิก
ผู้ชายที่มีเชื้อน้อยควรจะรับประทานอาหารที่มีกรดโฟลิก เพราะวิตามินนี้จะช่วยเร่งการแบ่งตัวของเชื้ออสุจิ และการสังเคราะห์ DNA

vanilla ในไอศกรีมป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมาก
สาร boron ที่มีอยู่ใน vanilla จะสามารถป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมาก

วันพุธที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2552

ประวัติเมืองขอนแก่น




• สมัยก่อนประวัติศาสตร์
จากหลักฐานการสำรวจบริเวณบ้านโนนนกทา บ้านนาดี ตำบลบ้านโคก อำเภอภูเวียง ของ วิลเฮล์ม จิโซลไฮม์ เรื่อง เออร์ลี่บรอนซ์ อิน นอร์ธอิสเทริน์ ไทยแลนด์ ได้ค้นพบเครื่องสำริดและเหล็กมีเครื่องมือเครื่องใช้เป็นขวาน รวมทั้งแบบแม่พิมพ์ที่ใช้หล่อ มีกำไลแขนสำริดคล้องอยู่ที่โครงกระดูกท่อนแขน ซ้อนกันหลาย วง พบกำไรทำด้วยเปลือกหอย รวมทั้งพบแหวนเหล็กไน แสดงว่ามีการปั่นด้ายทอผ้าใช้ในยุคนั้นแล้ว นอกจากนี้ ยังพบขวานทองแดง อายุ 4,600-4,800 ปี เป็นหัวขวานหัวเดียวที่พบในประเทศไทย ที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในเอเชียอาคเนย์ ในชั้นดินที่ 20 การกำหนดอายุโดยคาร์บอนด์ 14 จากชั้นดินที่ 19 ปรากฏว่าอายุ 4,275 ปี จากหลักฐานข้างต้นพิสูจน์ให้เห็นว่าอาณาเขตบริเวณจังหวัดขอนแก่น เป็นแหล่งกำเนิดอารยธรรม วัฒนธรรมอันสูงสุดมาแต่ดึกดำบรรพ์ มีความเจริญรุ่งเรืองมาก่อนสมัยพุทธกาลหลายพันปี
• สมัยก่อนกรุงศรีอยุธยา
บริเวณบ้านโนนเมือง วัดป่าพระนอน ตำบลชุมแพ ได้พบเสมาหินปักอยู่เป็นระยะและล้มจมดิน มีรอยสลักกลีบบัว กลีบเดียวหรือสองกลีบ แท่งหินที่สำคัญที่ชาวบ้านเรียกว่าเสาหลักเมืองเป็นรูปทรงกลมมีรอยจารึก ซึ่งเข้าใจว่าเป็นตัวอักษรมอญโบราณ ได้นำเอามาทำเป็นหลักเมืองขอนแก่น
เมืองโบราณ แห่งนี้กรมศิลปากรได้ขุดค้นพบโครงกระดูกมนุษย์โบราณ ฝังอยู่อย่างเป็นระเบียบ มีโบราณวัตถุหลายอย่าง ฝังรวมอยู่ด้วย สันนิษฐานว่าเป็นเมืองที่มีคนอาศัยอยู่มาหลายยุคหลายสมัย
บริเวณยอดเขาภูเวียงเป็นวงกลมซึ่ง โอบล้อมพื้นที่ 3 ตำบล มีพระพุทธรูปแบบทวารวดี จากภาพถ่ายทางอากาศ พบเมืองโบราณหลายแห่งอยู่ใกล้ ลำน้ำพอง ซึ่งเป็นลำน้ำสำคัญ คือเมืองโบราณที่วัดดงเมืองแอม ในเขตอำเภอน้ำพองเมืองมีขนาด 2900X3000 เมตร ซึ่งเป็นเมืองขนาดใหญ่ ที่สุดในภาคอีสานเท่าที่ได้พบเห็นในประเทศไทยจะเป็นรองอยู่ก็เฉพาะเมืองนครชัยศรี (นครปฐมโบราณ)
พระธาตุบ้านขาม อำเภอน้ำพอง มีประวัติว่า เดิมมีตอมะขามใหญ่ซึ่งตายไปนานแล้ว กลับงอกเงย ขึ้นอีกคนเจ็บป่วยเมื่อได้กินใบซึ่งงอกขึ้นใหม่นี้จะหาย หากผู้ใดไปทำมิดีมิร้ายหรือดูถูก ไม่เคารพก็จะมีอันเป็นไปโดย ปัจจุบันทันด่วนชาวบ้านจึงพร้อมใจกันก่อพระเจดีย์ครอบตอมะขามนี้ ไว้โดยสลักบรรจุคำสอนของ พระพุทธเจ้า เข้าไว้ในตอมะขามเหตุนี้จึงเรียกว่าพระธาตุบ้านขามมาแต่โบราณ

• สมัยอยุธยาและกรุงธนบุรี
เมื่ออิทธิพลของขอมเสื่อมลงหลังพุทธศวรรษที่ 16 จนกระทั่งถึงสมัยอยุธยา บ้านเมืองทางภาค อีสานโดนกระทบจากภัยสงคราม หรือภัยอื่นๆ จนกลายเป็นเมืองร้าง ผู้คนระส่ำระสาย
ในการประชุมพงศาวดารภาค 70 ของกรมศิลปากร เรื่องพงศาวดารย่อนครเวียงจันทร์ปรากฏ ข้อความตอนหนึ่งว่า "ศักราชได้ 76 ปี กาบสะง้าเจ้าบ้านท่านกวาดครัวภูเวียงลง "คำว่าศักราชได้ 76 เทียบได้กับ พ.ศ.2257 คือ 16 ปี ก่อนพระเจ้าศิริบุญสารขึ้นครองราชสมบัติ หรือปลายสมัยอยุธยาและว่าภูเวียงมีฐานะเป็น ชุมชนเมืองสำคัญแล้ว มีฐานะเป็นเมืองป้อมหรือเมืองหน้าด่าน ของเวียงจันทร์ ตั้งอยู่ในเส้นทางมาติดต่อกับนครเวียงจันทร์ กับกรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี และกรุงเทพฯ การเดินทัพเดินทางโดยทั่วไปของทั้งสองนครต้องผ่านโคราช ช่องสามหมอ ภูเวียง หนองบัวลำภู เพราะเป็นทางตรงและมีน้ำท่วมอุดมสมบูรณ์ ต่อมาภายหลังเพื่อหลีกเลี่ยงทางลุ่ม จึงมีทางรถไฟ ทางรถยนต์ ระยะแรกไปตามที่ดอนผ่านเมืองพล บ้านไผ่ ขอนแก่น อุดรฯลฯ
• สมัยรัตนโกสินทร์
พงศาวดารภาคอีสานฉบับของ พระยาขัตติวงษา (เหลา ณ ร้อยเอ็ด) มีความสำคัญตอนหนึ่งว่า (พ.ศ.2325) ทราบข่าวว่าเมืองแสนกลัวความผิดหลบตัวหนีลงไป พึ่งพระยาโคราช บอกให้เมืองแสนลงไปเมืองเจ้าเมือง จึงโปรดเกล้าฯ ให้เป็นพระจันทรประเทศ ขึ้นมาตั้งบ้านกองแก้ว เป็น เมืองชลบถ มีไพร่พลสมัครไปด้วย 340 คน ในรัชกาลที่ 1 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พ.ศ. 2340 ฝ่ายเพียเมือง แพนบ้านชีโหล่น เมืองสุวรรณภูมิเห็นว่าเมืองแสนได้เมืองชลบถก็อยากจะได้บ้าง จึงเกลี่ยกล่อมคน ได้ สามร้อยคนเศษจึงสมัครขึ้นอยู่กับพระยานครราชสีมาแล้วขอตั้งบ้านบึงบอนเป็นเมือง เจ้าพระยานครราชสีมาได้มีใบบอกมายัง กรุงเทพฯ จึงโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งเพียเมืองแพนเป็นพระนครศรีบริรักษ์ดำรงตำแหน่ง เจ้าเมือง โดยยกบ้านบึงบอนขึ้นเป็นเมือง ขอนแก่น
พ.ศ.2352 ท่านราชานนท์ ย้ายเมืองไปตั้งที่ริมหนองเหล็กพันชาติหรือคงพันชาด (หมู่บ้านแพง อ.โกสุมพิสัย )
พ.ศ.2381 ย้ายเมืองขอนแก่นกลับมาตั้งอยู่ริมบึงบอน (ตะวันตกเฉียงใต้ ของบ้านโนนทัน ต.ในเมือง อ.เมือง ปัจจุบันนี้)
พ.ศ. 2410 ย้ายเมืองขอนแก่นไปตั้งบ้านดอนบมริมแม่น้ำชี
พ.ศ. 2434 โปรดให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคม เป็นข้าหลวงต่างพระองค์และ โปรดเกล้าฯ
ให้ย้ายเมืองขอนแก่นมาตั้งที่บ้านทุ่ม อ.เมืองขอนแก่น)
พ.ศ.2442 โปรดให้ย้ายกลับไปตั้งที่บ้านบึงบอนดังเดิม (เมืองเก่า)
พ.ศ. 2447 โปรดให้เรียกตำแหน่งข้าหลวงประจำเมืองขอนแก่นว่าข้าหลวงประจำบริเวณพาชี
พ.ศ. 2451 ย้ายศาลากลางเมืองขอนแก่นมาตั้งที่บ้านพระลับ ต.ในเมือง อ.เมืองขอนแก่น (ศาลากลางหลังเก่า)
และเปลี่ยนตำแหน่งข้าหลวงประจำบริเวณเป็นผู้ว่าราชการเมือง
พ.ศ.2459 โปรดให้เปลี่ยนคำว่าเมืองเป็นจังหวัด
พ.ศ. 2507 ได้สร้างศาลากลางใหม่ที่สนามบินเก่า ห่างจากที่เดิม 2,000 เมตร ปัจจุบันเรียกว่า "ศูนย์ราชการ"
ในสมัยนายสมชาย กลิ่นแก้ว เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ซึ่งท่านได้ดำรงตำแหน่งในระหว่าง พ.ศ. 2503 - 2511


สถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดขอนแก่น

บางแสน 2 ตั้งอยู่ที่บ้านหินเพิง ตำบลท่าเรือ อยู่ห่างจากอำเภอเมืองไปประมาณ 53 กิโลเมตร ใช้เส้นทางเดียวกับทางไปเขื่อนอุบลรัตน์ แต่อยู่ก่อนถึงเขื่อนอุบลรัตน์มีทางทางแยกไป บรรยากาศโดยรอบของชายหาดริมทะเลสาบน้ำจืดเหนือเขื่อนอุบลรัตน์ สวยสะดุดตาเมื่อพระอาทิตย์ฉายส่องลงมาในยามเย็นกระทบกับทิวเขาภูเก้าที่ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหลัง กิจกรรมกีฬาทางน้ำที่น่าสนใจก็คือ การบริการให้เช่าจักรยานน้ำ, บานาน่า โบ๊ต, ห่วงยาง นอกจากนี้ยังมีบริการอาหารเลิศรสที่ปรุงจากปลาภายในอ่างเก็บน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ ได้แก่ ปลานิล, ปลาเนื้ออ่อน, ปลาช่อน ฯลฯ ช่วงเทศกาลสำคัญ หรือ วันหยุด มักจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปชมธรรมชาติ และเล่นน้ำกันเป็นจำนวนมาก







พัทยา 2 ตั้งอยู่ที่บ้านหนองกุงเซิน ห่างจากอำเภอเมืองไปประมาณ 78 กิโลเมตร เป็นทะเลสาบขนาดประมาณ 20 ไร่ มักจะมีผู้คนท้องถิ่นมาพักผ่อนหย่อนใจ เพราะนอกจากจะมีทัศนียภาพที่งดงามโดยมีเทือกเขาภูพานคำตั้งตระหง่านอยู่ด้านหลังแล้ว ยังได้นั่งรับประทานปลาน้ำจืดนานาชนิด (ที่หาได้จากทะเลสาบนี้เอง)บรรยากาศที่เย็นสบาย นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมทางน้ำให้เลือกเล่นมากมายเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวที่มาพักผ่อน






อุทยานแห่งชาติน้ำพอง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของจังหวัดขอนแก่น มีเนื้อที่ประมาณ 200 ตารางกิโลเมตร สภาพพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติน้ำพอง ส่วนใหญ่จะเป็นภูเขา ถือเป็นแหล่งต้นน้ำของลำน้ำชีและลำน้ำพอง สำหรับนักท่องเที่ยวทางอุทยานฯ มีบ้านพักรับรอง และสิ่งอำนวยความสะดวกไว้บริการอย่างครบครัน





อุทยานแห่งชาติภูเก้า-ภูพานคำ ครอบคลุมพื้นที่ป่าภูเก้า อำเภอโนนสัง จังหวัดหนองบัวลำภู และป่าภูพานคำ อำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น มีพื้นที่ 322 ตารางกิโลเมตร สภาพื้นที่ปกคลุมด้วยป่าเต็งรังมีทิวทัศน์สวยงาม เหมาะแก่การเดินป่าและศึกษาร่องรอยก่อนประวัติศาสตร์ของชุมชนมนุษย์ในสมัยบ้านเชียง









อุทยานแห่งชาติภูผาม่าน เรียกตามชื่อของภูเขาเทือกหนึ่งทางตอนใต้ของอุทยานแห่งชาติที่มีหน้าผาสูงชันคล้ายสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มองดูเหมือนกับผ้าม่านผืนใหญ่ อยู่ในท้องที่อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น และอำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย มีเนื้อที่ประมาณ 350 ตารางกิโลเมตร หรือ 218,750 ไร่ แต่เดิมเคยเป็นพื้นที่ที่สมบูรณ์ไปด้วยพรรณไม้และสัตว์ป่านานาชนิด ปัจจุบันผลจากการทำสัมปทานป่าไม้ทำให้พื้นป่าและจำนวนสัตว์ป่าลดลงอย่างรวดเร็ว กรมป่าไม้จึงได้มีคำสั่งที่ 1473/2532 ลงวันที่ 27 กันยายน 2532 มอบหมายให้ นายพนม พงษ์สุวรรณ นักวิชาการป่าไม้ 4 ให้สำรวจเพิ่มเติมและจัดตั้งพื้นที่ป่าดงลาน อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น และป่าภูเปือย อำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย และพื้นที่ป่าใกล้เคียงเป็นอุทยานแห่งชาติ จากการสำรวจพื้นที่พบว่า เป็นพื้นที่แหล่งต้นน้ำลำธารและมีจุดเด่นทางธรรมชาติหลายแห่ง โดยเฉพาะถ้ำและน้ำตก







อุทยานแห่งชาติภูเวียง คำว่า “ภูเวียง” เป็นท้องที่อำเภอที่เก่าแก่ของจังหวัดขอนแก่นอำเภอหนึ่ง และยังเป็นชื่อเรียกของเทือกเขามีหลักฐานว่าป่าภูเวียงเคยเป็นแหล่งชุมชนโบราณที่มีอารยธรรมเมื่อหลายพันปีล่วงมาแล้ว มีการขุดพบกระดูกมนุษย์โบราณ เครื่องมือ เครื่องใช้ โลหะสำริด พระนอนสมัยทวาราวดี รวมทั้งภาพเขียนสีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่ถ้ำ (หลืบเงิน) บนเทือกเขาภูเวียง นอกจากนั้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2519 มีการค้นพบรอยเท้าและซากกระดูกไดโนเสาร์ และสัตว์โลกดึกดำบรรพ์อายุเกือบ 200 ล้านปี ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ทรงสนพระทัยและเสด็จทอดพระเนตร เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2532 มีเนื้อที่ประมาณ 325 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 203,125 ไร่




น้ำตกตาดฟ้า เป็นน้ำตกที่เกิดจากลำห้วยตาดฟ้า รอยต่อของอำเภอภูผาม่าน จังหวัดขอนแก่น กับอำเภอน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์ ความสูงราว 30 เมตร ในฤดูฝน้ำจะไหลแรง มีสายน้ำที่ตกลดหลั่นเป็นม่านที่งดงาม ปัจจุบันการเดินทางสะดวกมีทางรถยนต์เข้าถึงแล้ว



ถ้ำค้างคาวภูผาม่าน เป็นถ้ำขนาดใหญอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติภูผาม่านภายในถ้ำมีค้างคาวปากย่นอาศัยอยู่หลายล้านตัว ในช่วงเย็นย่ำของทุกวัน ค้างคาวจะบินออกจากถ้ำไปหากินเป็นริ้วขบวนยาวนับสิบกิโลเมตร นักท่องเที่ยวสามารถชมความาหัศจรรย์ น่าตื่นตาของฝูงค้างคาวนับล้านๆ ตัวได้ที่นี่แห่งเดียวเท่านั้น


ถ้ำพญานาคราช เป็นถ้ำที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศ ในเขตอุทยานแห่งชาติภูผาม่าน ตำบลนาหนองทุ่ม อำเภอชุมแพ ภายในถ้ำมีพื้นที่กว้างขวาง แป่งออกเป็นห้องๆ แต่ละห้องจะมีหินงอกหินย้อยเป็นช่อขึ้นต่อกันเป็นเสาต้นใหญ่ เมื่อกระทบแสงไฟจะเกิดประกายระยิบระยับสวยงาม



ถ้ำภูตาหลอ ตั้งอยุ่ที่บ้านวังสวาบ ตำบลวังสวาบ อำเภอภูผาม่าน เป็นถ้ำที่อยู่บนเนิน ภายในถ้ำอากาศเย็นสบาย ไม่มีค้างคาวและกลิ่นอับชื้น มีห้องโถงขนาดใหญ่ พื้นถ้ำเป็นดินเรียบ มีหินงอกหินนย้อยอยู่ในสภาพสมบูรณ์ หินบางก้อนมีลักษณะเป็นเกล็ดแวววาวคล้ายหนิเขี้ยวหนุมาน





ผานกเค้า เป็นภูเขาที่อยู่ตรงรอยต่อของอำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น กับอำเภอภูกระดึงจังหวัดเลย ผานกเค้า เป็นหน้าผาสูงชัน ลักษณะคล้ายนกเค้าแมว บริเวณใกล้หน้าผาเป็นถนนกว้างใหญ่ ตลอดสองข้างทางมีร้านอาหารหลากหลาย คอยให้บริการแก่นักท่องเที่ยว ซึ่งในแต่ละวันจะมีรถนำนักท่องเที่ยวแวะมารับประทานอาหารกันเนืองแน่น




ถ้ำลายมือ อยู่ที่บ้านดอนกอก อำเภอหนองเรือ กรมศิลปากรสำรวจในปี พ.ศ.2526 มีลักษณะเป็นเพิงหิน มีทางขึ้นที่สูงชัน ภาพเขียนเป็นลานเส้นสีแดง และภาพลายมือใช้สีแดงพ่นทับฝ่ามือลงบนหน้าผา กับภาพฝ่ามือสีแดงวางทับลงบนผนังหิน มีลักษณะใกล้เคียงกันกับถ้ำฝ่ามือแดง บ้านหินร่อง กิ่งอำเภอเวียงเก่า




ปราสาทเปือยน้อย ตั้งอยู่อำเภอเปือยน้อย เป็นโบราณสถานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน รูปแบบทางสถาปัตยกรรม และศิลปกรรม พบว่าน่าจะอยู่ในยุคศิลปะขอมแบบบาปวนและแบบนครวัด สันนิษฐานว่าน่าจะสร้างขึ้นระหว่างพุทธศตวรรษที่ 16 - 17 เพื่อใช้เป็นศาสนสถานประกอบพิธีกรรมตามคติความเชื่อของศาสนาฮินดู (ศาสนาพราหมณ์)




กู่ประภาชัย หรือ กู่บ้านนาคำน้อย ตั้งอยู่ที่บ้านนาคำน้อย ตำบลบัวใหญ่ การเดินทาง ไปทางเดียวกับพระธาตุขามแก่น ตรงไปก่อนถึงสะพานข้ามคลองส่งน้ำจากลำน้ำพอง เลี้ยวซ้ายตามถนนเลียบคลองส่งน้ำแล้วเลี้ยวขวาข้ามสะพานเข้าหมู่บ้านนาคำน้อย กู่จะอยู่ภายในวัดกู่บ้านนาคำน้อย หรือจะขับรถข้ามสะพานข้ามคลองส่งน้ำ ตรงไปตามถนนลาดยางประมาณ 6 กิโลเมตร ก็จะมีป้ายบอกทางให้เลี้ยวซ้ายผ่านหมู่บ้านไปประมาณ 1 กิโลเมตร ก็จะถึงกู่ประภาชัย กู่ประภาชัย คือกลุ่มโบราณสถานที่มีลักษณะแผนผังอย่างเดียวกันกับโบราณสถานที่พบหลักฐานแสดงอโรคยาศาลหรือสถานพยาบาลที่พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แห่งอาณาจักรเขมรโบราณโปรดฯให้สร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 18 (พ.ศ. 1720-1780) คือประกอบด้วยปรางค์ประธานรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส มีมุขยื่นทางด้านหน้า ด้านขวามือเยื้องไปข้างหน้าเป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมที่เรียกว่า บรรณาลัย อาคารทั้งสองล้อมรอบด้วยกำแพงแก้วโดยมีโคปุระหรือซุ้มประตูทางเข้าออกด้านหน้าหรือทางด้านทิศตะวันออกเพียงด้านเดียว นอกกำแพงที่มุมซ้ายมีสระน้ำ 1 สระทั้งหมดสร้างด้วยศิลาแลง โดยมีเสาประดับประตู ทับหลังเป็นหินทราย ปัจจุบันหักพังแต่ได้รับการดูแลรักษาจากทางวัดเป็นอย่างดี ซึ่งได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานเมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ.2478




พระธาตุขามแก่น สร้างขึ้นประมาณต้นพุทธศตวรรษที่ 25 ตั้งอยู่ในวัดเจติยภูมิ ตำบลบ้านขาม ตามประวัติโดยย่อกล่าวว่าโมริยกษัตริย์เจ้าเมืองโมรีย์ซึ่งเป็นเมืองอยู่ในอาณาเขตของประเทศกัมพูชา มีความประสงค์ที่จะนำพระอังคารของพระพุทธเจ้าที่พระองค์ได้ไว้เมื่อครั้งพระพุทธเจ้าปรินิพพานใหม่ๆ มาบรรจุพระธาตุพนม จึงโปรดให้พระอรหันต์และพระเถระเจ้าคณะรวม 9 องค์นำขบวนอัญเชิญพระอังคารมาในครั้งนี้ เมื่อผ่านมาถึงดอนมะขามแห่งหนึ่งซึ่งมีต้นมะขามใหญ่ที่ตายแล้วเหลือแต่แก่น เนื่องจากเป็นเวลาพลบค่ำแล้วและบริเวณนี้ภูมิประเทศราบเรียบดีจึงหยุดคณะพักชั่วคราว รุ่งเช้าจึงเดินทางต่อไปถึงภูกำพร้าปรากฏว่าพระธาตุพนมได้สร้างเสร็จแล้ว จึงเดินทางกลับและตั้งใจว่าจะนำพระอังคารธาตุกลับไปประดิษฐานไว้ที่บ้านเมืองของตน แต่เมื่อเดินทางผ่านดอนมะขามอีกครั้งปรากฏว่าแก่นมะขามที่ตายแล้วนั้นกลับยืนต้นแตกกิ่งก้านผลิใบเขียวชอุ่มเป็นที่น่าอัศจรรย์ คณะอัญเชิญพระอังคารธาตุจึงพร้อมใจกันสร้างเจดีย์ครอบต้นมะขามนี้ พร้อมกับนำพระอังคารธาตุและพระพุทธรูปบรรจุไว้ในองค์พระธาตุและให้นามว่าพระธาตุขามแก่นมาจนทุกวันนี้ พระธาตุขามแก่นถือว่าเป็นโบราณสถานที่สำคัญของจังหวัดขอนแก่น ทุกปีในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 จะมีงานฉลองและนมัสการพระธาตุเป็นประจำ



พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียง
ตั้งอยู่ที่ตำบลในเมือง อำเภอเวียงเก่า เป็นส่วนหนึ่งของศูนย์ศึกษาวิจัยซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์ภูเวียง ก่อตั้งโดยความร่วมมือระหว่างการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ขอนแก่น และกรมทรัพยากรธรณี เพื่อศึกษาค้นคว้าและเผยแพร่ความรู้ด้านทรัพยากรธรณีสู่สาธารณชน เพื่อการอนุรักษ์ เพื่อประโยชน์ของสังคมและส่งเสริมการท่องเที่ยวให้เกิดการพัฒนาแบบยั่งยืนต่อไป อาคารพิพิธภัณฑ์แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนบริการ ได้แก่ ร้านขายของที่ระลึก ห้องอาหาร ห้องบรรยาย ส่วนวิชาการ ได้แก่ ห้องปฏิบัติการ ห้องทำงาน ห้องสมุด และส่วนนิทรรศการ ได้แก่ ห้องจัดแสดงชั้นล่างและชั้นบน จัดแสดงนิทรรศการการกำเนิดโลก หิน แร่ ซากดึกดำบรรพ์ และหุ่นจำลองไดโนเสาร์ เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ศึกษาวิจัยซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์ภูเวียง กรมทรัพยากรธรณี โทร. 0 4343 8204-6







พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติขอนแก่น
เป็นสถานที่เก็บรวบรวมและจัดแสดงโบราณวัตถุ และศิลปวัตถุที่รวบรวม ได้จากอีสานตอนเหนือ จัดแสดงเรื่องราวอารยธรรมก่อนประวัติศาสตร์ ศิลปวัตถุสมัยทวารวดี ลพบุรี ล้านช้าง ศิลปะพื้นบ้านอีสานและประวัติศาสาตร์บ้านเมืองขอนแก่น เปิดบริการให้เข้าชมทุกวัน






ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาจังหวัดขอนแก่น
เป็นศูนย์การเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อยู่ที่ถนนมิตรภาพ ตำบลบ้านไผ่ อำเภอบ้านไผ่ ภายในเป็นอาคารจัดแสดงนิทรรศการต่างๆไว้มากมาย เช่น ห้องนิทรรศการโลกดึกดำบรรพ์ที่จัดแสดงเรื่องราวของไดโนเสาร์และฟอสซิลด้วยระบบเสียง เป็นต้น เปิดให้บริการทุกวัน




วัดพระพุทธบาทภูพานคำ ตั้งบริเวณไหล่เขาภูพานคำ อำเภออุบลรัตน์ เป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลองในมณฑป และ พระพุทธรูปสีขาวขนาดใหญ่ หรือหลวงพ่อใหญ่ สูง 14 เมตร อยู่บนยอดเขา มีบันไดทางขึ้นจากลานวัดไปยังยอดเขาจำนวน 1,049 ขั้น หรือจะขับรถยนต์ขึ้นไปถึงยอดเขาก็ได้ บนยอดเขามองเห็นทัศนียภาพทะเลสาบเขื่อนอุบลรัตน์ได้สวยงาม การเดินทาง ใช้เส้นทางเดียวกับทางไปเขื่อนอุบลรัตน์ ก่อนถึงประตูทางเข้าบริเวณเขื่อนจะมีป้ายวัดอยู่ด้านซ้ายมือ หรือจะใช้ทางเข้าวัดซึ่งอยู่ตรงข้ามกับโรงพยาลอุบลรัตน์ก็ได้













วัดหนองแวง (พระมหาธาตุแก่นนคร) ตั้งอยู่ที่ถนนกลางเมือง ริมบึงแก่นนคร อำเภอเมือง ภายในวัดหนองแวงซึ่งเป็นพระอารามหลวง มีพระมหาธาตุแก่นนคร หรือ พระธาตุเก้าชั้น ฐานสี่เหลี่ยมกว้างด้านละ 50 เมตร เรือนยอดทรงเจดีย์จำลองแบบจากพระธาตุขามแก่น จัดสร้างขึ้นเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี และมหามังคลานุสรณ์ 200 ปี เมืองขอนแก่น ความสูงขององค์พระธาตุฯ 80 เมตร มีพระจุลธาตุ 4 องค์ ตั้งอยู่ 4 มุมและมีกำแพงแก้วพญานาค 7 เศียรล้อมรอบ เป็นศิลปะสมัยทวาราวดี ผสมผสานศิลปะอินโดจีน ซึ่งเป็นลักษณะแบบชาวอีสานตากแห ภายในองค์พระธาตุมีอยู่ 9 ชั้น คือ (1) หอประชุมมีพระบรมสารีริกธาตุ (2) หอพัก (3) หอปริยัติ (4) หอปริยัติธรรม (5) หอพิพิธภัณฑ์ (6) หอพระอุปัชฌายาจารย์ (7) หอพระอรหันตสาวก (8) หอพระธรรม (9) หอพระพุทธ




วัดอุดมคงคาคีรีเขต ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านโคก เป็นวัดป่าของหลวงปู่ผางซึ่งเคยเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงเป็นที่เคารพสักการะของพุทธศาสนิกชนทั่วไป ปัจจุบันท่านมรณภาพแล้ว แต่มีอนุสรณ์สถานที่บรรจุอัฐิของหลวงปู่ผางอยู่ในบริเวณวัด วัดนี้ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขามีต้นไม้ป่าขึ้นอยู่ร่มรื่น เป็นวัดที่เน้นการปฏิบัติวิปัสสนา การเดินทาง ไปตามเส้นทางขอนแก่น-ชุมแพ (ทางหลวงหมายเลข 12) ประมาณ 14 กิโลเมตร แยกซ้ายเข้าเส้นทางสายบ้านทุ่ม-มัญจาคีรี (ทางหลวงหมายเลข 2062) อีกประมาณ 44 กิโลเมตร แล้วแยกเข้าเส้นทางสายมัญจาคีรี-ชัยภูมิ (ทางหลวงหมายเลข 229) ประมาณ 12 กิโลเมตร เลี้ยวขวาเข้าวัดอีก 12 กิโลเมตร



สิม วัดไชยศรี สิม วัดไชยศรี สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2408 เดิมเป็นอาคารแบบสิมอีสาน ภายหลังได้ซ่อมเสริมผนังให้สูงขึ้นและทำหลังคาทรงไทย มีฮูปแต้ม(จิตรกรรมฝาผนัง) เขียน ทั้งผนังด้านในและด้านนอกสี่ด้าน ผนังด้านในเขียนภาพอดีตพระพุทธเจ้า เรื่องเวสสันดรชาดก ผนังด้านนอกเขียนภาพนรกเจ็ดขุม เรื่องสินไซ สีที่ใช้เขียนเป็นสีฝุ่น วรรณะสีเย็น คือ สีคราม ฟ้า ขาวเป็นส่วนใหญ่ ฮูปแต้ม วัดไชยศรี มีลักษณะพิเศษ คือการเขียนภาพเต็มผนังไม่เหลือที่ว่าง ภาพคนมีทั้งขนาดใหญ่และเล็ก มีร่างกายไม่สมสัดส่วน ท่าทางดูเป็นธรรมชาติมากกว่านาฎลักษณ์ตัวภาพต่างๆ แสดงท่าทางเคลื่อนไหวโลดโผน มีกาาจัดองค์ประกอบอย่างเหมาะสม














วัดมัฌิมวิทยาราม (วัดบ้านลาน) ตั้งอยู่ที่บ้านลาน ตำบลบ้านลาน อำเภอบ้านไผ่ สิมวัดบ้านลานสร้างขึ้นราวปี พ.ศ. 2407 ภายในสิมเขียนภาพไว้บนผนังด้านหลังพระประธาน เป็นภาพพระพุทธรูป 2 องค์ ส่วนผนังภายนอกเขียนภาพเรื่องเวสสันดรชาดก โดยลำดับภาพเริ่มจากผนังด้านหน้าทิศตะวันออก ทิศเหนือ ทิศตะวันตก และทิศใต้รวม 9 ห้อง ภาพเริ่มจากกัณฑ์ทศพรถึงนครกัณฑ์ โดยเลือกภาพเป็นสื่แทนเรื่องราวแต่ละตอนให้เข้าใจง่าย และชัดเจน สีที่ใช้เป็นสีฝุ่นในวรรณะสีเย็น











วัดสนวนวารีพัฒนาราม ตั้งอยู่ที่บ้านหัวหนอง ตำบลหัวหนอง อำเภอบ้านไผ่ สิมวัดสนวนวารีพัฒนารามสร้างขึ้นราวปี พ.ศ. 2496 ภายในสิมเขียนภาพเรื่องเวสสันดรชาดก สินไซ ราหูอมจันทร์ นาค สิงห์ ส่วนด้านนอกเขียนภาพเรื่องสินไซ และนรกภูมิ หน้าต่างทำเป็นวงโค้ง 2 ชั้น เขียนลวดลายเครือเถาประดับอย่างสวยงามและไม่ซ้ำแบบกัน ผนังด้านนอกมีเสาติดผนังเขียนลายเครือเถา และลายพญานาคเกี่ยวพันกัน สีที่ใช้เป็นสีฝุ่นทั้งผนังภายในและภายนอก














วัดสระบัวแก้ว ตั้งอยู่ที่บ้านสระวังคูณ ตำบลหนองเม็ก อำเภอหนองสองห้อง สิมวัดสระบัวแก้วสร้างขึ้นราว ปีพ.ศ.2474 ภายในสิมเขียนภาพเริ่มจากผนังด้านหน้าเวียนไปทางซ้าย ส่วนด้านนอกเขียนภาพเรื่องพระลัก พระลาม การลำดับภาพเริ่มจากผนังด้านข้างองค์พระประธานเวียนมาทางด้านหน้า และจบที่ด้านหลังองค์พระประธานภาพเขียนของวัดนี้มีคุณค่าหลายๆด้าน อีกทั้งยังได้สอดแทรกประเพณีพื้นถิ่นต่างๆ ด้วยเช่น ประเพณีฮดสรง การทำคลอดโดยหมอตำแยผู้ชาย เป็นต้น สีที่ใช้เป็นสีน้ำมัน โดยรวมเป็นสีวรรณะร้อน คือ สีเหลืองและสีแสดทั้งผนังภายในและภายนอก
















วัดป่าแสงอรุณ ตั้งอยู่ภายในบริเวณวัดป่าแสงอรุณ ตำบลพระลับ ห่างจากศาลากลางจังหวัดขอนแก่นประมาณ 3 กิโลเมตร ตามเส้นทางขอนแก่น-กาฬสินธุ์ สิมอีสาน ได้เน้นถึงรูปแบบ ทรวดทรง ความมั่นคงสามารถคุ้มแดดคุ้มฝน ตลอดจนความวิจิตรงดงามของภาพเขียนฝาผนังลายผ้าไหมมัดหมี่ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดขอนแก่น เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษาเรียนรู้และอนุรักษ์สถาปัตยกรรมท้องถิ่น อันเป็นการปลูกฝังแนวความคิดสร้างสรรค์ที่ดีต่อไป อีกทั้งยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดขอนแก่นตลอดไป










หมู่บ้านงูจงอาง
บ้านโคกสง่า ตำบลทรายมูล อำเภอน้ำพอง เป็นหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงในการจัดแสดงศิลปะการต่อสู้ระหว่างคนกับงู โดยพ่อใหญ่เคน ยงลา ผู้ซึ่งประกอบอาชีพหมอยา ได้เดินทางไปขายยาสมุนไพรตามหู่บ้านต่างๆ จึงคิดริเริ่มการแสดงงู เพื่อดึงดูดคนให้สนใจซื้อยาสมุนไพร การควบคุมงูต้องอาศัยความชำนาญ ความใกล้ชิดกับงู ภูมิปัญญาในการควบคุมเกิดจากการสังเกต และเรียนรู้พฤติกรรมของงู ผู้แสดงจะต้องรู้ธรรมชาติของงู รวมทั้งมีสติว่องไว
ปัจจุบันการแสดงงูจงอางบ้านโคกสง่าเป็นที่รู้จักแพร่หลายมาก ชาวบ้านเกือบทุกหลังคาเรือนจะเลี้ยงงูจงอางไว้ใต้ถุนบ้านของตนเอง การจัดแสดงงูมีหลากหลายรูปแบบ เช่น การชกมวยระหว่างคนกับงู ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง







หมู่บ้านเต่า
หมู่บ้านเต่าจะมีเต่าบกชนิดหนึ่ง (ชาวบ้านแถบนั้นเรียกว่า "เต่าเพ็ก") ลักษณะกระดองจะมีสีเหลืองแก่ปนน้ำตาลอยู่เป็นจำนวนมาก บ้างก็จะอยู่บริเวณใต้ถุนบ้านเพื่อรออาหารจากชาวบ้าน บ้างก็เดินอยู่ตามถนนภายในหมู่บ้านซึ่งจะหาดูได้ไม่ยาก เมื่อเดินทางไปถึงจากขอนแก่นไปตามทางหลวงหมายเลข 12 (ขอนแก่น-ชุมแพ) ประมาณ 10 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 2062 ประมาณ 44 กิโลเมตร (ก่อนถึงอำเภอมัญจาคีรี 2 กิโลเมตร) ถึงบริเวณบ้านกอก ปากทางเข้าหมู่บ้านเต่าอยู่ด้านซ้าย จะสังเกตเห็นเป็นรูปเต่าจำลอง 2 ตัว วางอยู่บนแท่นหินสูงจากพื้นดินประมาณ 2 เมตร ตั้งอยู่ตรงข้ามวัดศรีสุมัง จากนั้น เลี้ยวซ้ายข้างวัดเข้าสู่เขตหมู่บ้านกอก ประมาณ 50 เมตร ก็จะถึงหมู่บ้านเต่า ปัจจุบันมีบริการบ้านพักแบบโฮมสเตย์ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร. 0 7222 7859 , 08 9574 3480







โฮงมูนมัง
" โฮง คือหอเก็บสมบัติ " โฮงมูนเมืองขอนแก่น คือ หอเก็บสมบัติที่เก็บรวบรวมเรื่องราวอันเป็นที่มาของเมืองขอนแก่น ตั้งอยู่บริเวณบึงแก่นนคร อ.เมือง เป็นพิพิธภัณฑ์ที่สะท้อนให้เห็นถึงสภาพชีวิตและเป็นศูนย์กลางการศึกษาค้นคว้าข้อมูลประวัติศาสตร์เมืองขอนแก่น โดยแบ่งออกเป็น 5 โซน คือ (1) แนะนำเมืองขอนแก่น (2) ประวัติศาสตร์เมืองขอนแก่นและวัฒนธรรมชาวขอนแก่น (3) การตั้งเมือง (4) บ้านเมืองและวิถีชีวิตของชาวขอนแก่น (5) ขอนแก่นวันนี้







หมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย
บ้านโนนอุดม และบ้านโนนสว่าง ตำบลนาหว้า อำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น เป็นหมู่บ้านที่มีการเลี้ยงควายทั้งสองหมุ่บ้าน 149 ครัวเรือน ประมาณ 1,200 ตัว ทำให้มีรายได้จากการทำปุ๋ยชีวภาพจากมูลควายจำหน่าย และทำปุ๋ยอินทรีย์ใช้ในไร่นา ทั้งยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวสร้างรายได้แก่หมู่บ้าน






เขื่อนอุบลรัตน์
เนื่องจากสร้างข้ามแม่น้ำพองโดยปิดกั้นลำน้ำพองตรงบริเวณช่องเขาที่เป็นแนวต่อระหว่างเทือกเขาภูเก้าและภูพานคำ การก่อสร้างเริ่มเมื่อปี พ.ศ. 2507 แล้วเสร็จปี พ.ศ. 2509 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าอุบลรัตน์ราชกัญญาฯ ได้เสด็จไปทรงทำพิธีเปิดเขื่อนเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2509 มีประโยชน์ในด้านต่างๆ ทั้งการผลิตกระแสไฟฟ้า การเกษตร การประมง การป้องกันอุทกภัย การคมนาคม ตลอดไปจนถึงเป็นที่สำหรับพักผ่อนหย่อนใจ ภายในบริเวณมีร้านอาหารเรือนพานคำ บ้านพัก สนามกอล์ฟ และสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ เดินชมสวนพรรณไม้ในวรรณคดี สวนประติมากรรมไดโนเสาร์ วังมัจฉาและร้านอาหารตามสั่งภายในบริเวณเขื่อน เปิดทุกวัน เวลา 07.00-20.00 น. อีกด้วย นอกจากนี้ ที่ปลายสุดสันเขื่อนยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธสิริสัตตราช หรือ หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ที่ทำการเขื่อนอุบลรัตน์ โทร. 0 4344 6231, 0 4322 4129 ต่อ 2864 หรือ กรุงเทพฯ โทร. 0 2436 6046-8



Credit : http://www.khonkaenpoc.com/khonkaen/tour_index.php

วันศุกร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2552